Your cart is currently empty!
-
ปวดหลัง: สาเหตุ การป้องกัน และการรักษา
ปวดหลังคืออะไร? ปวดหลังเป็นอาการที่ทุกคนสามารถประสบได้ การปวดหลังอาจเกิดได้จากการทำงานหนัก การบิดเกร็ง ตกขากรรไกร หรือจากสภาพแวดล้อมที่มีส่วนสร้างแรงกดทับบนหลัง เช่น นั่งเก้าอี้ที่ไม่สะดวกสบาย การยกของหนักๆ การงอหลังและอื่นๆ สาเหตุของโรคปวดหลัง สาเหตุของโรคปวดหลังอาจเป็นมาจากหลายปัจจัย อาทิ ปัจจัยเชิงพยาธิสภาพ ปัจจัยโภชนาการและสุขภาพ และปัจจัยสภาพแวดล้อม เช่น หนังสตรีที่มีการเกิดอาการนูบหนีบ ทำงานบนโต๊ะที่ไม่สะดวกสบายเป็นต้น อาการปวดหลังดวงตีนอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยที่ซับซ้อนเช่น โรคหลอดเลือดสมองจากการเลือดออก โรคไขกระดูกพรุน หรือรูปแบบการปวดซีดๆ ปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคปวดหลัง มีปัจจัยหลายอย่างที่ร่างกายของคุณอาจตอบสนองสูงพอที่จะทำให้เกิดโรคปวดหลังได้. บางครั้งผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเป็นโรคปวดหลังคือ ผู้ที่ทำงานโดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ที่เคลื่อนไหวน้อย ผู้สูงวัย ผู้ที่มีแนวโน้มกลุ่มเลือดอ้วนมาก และผู้ที่กำลังรักษาโรคความดันเลือดสูง ผู้ที่สูบบุหรี่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกตัวหนึ่ง อาการของโรคปวดหลัง อาการของโรคปวดหลังไม่ได้หมายถึงสิ่งเดียว หากต้องการประเมินระดับของอาการไม่ว่าจะเป็นของโรคปวดหลังเฉพาะตัวแต่ละรายให้ดูกว่าภาพรวมหน้าจอที่เกี่ยวข้องด้วนเช่นกัน. อาการของโรคปวดหลังจะแบ่งออกเป็น อาการปวดหลังแบบเฉียบขวางและอาการปวดหลังเรื้อรัง. อาการปวดแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ เช่น ปวดหลังส่วนล่าง ปวดหลังส่วนบน หรือปวดหลังเหมือนมีดวงขวานขึ้นมาทีหลัง โดยต้องมีการตรวจสอบอาการอย่างละเอียด ๆ เพื่อระบุอาการและประเมินระดับความรุนแรง วิธีการวินิจฉัยโรคปวดหลัง แพทย์จะทำการสอบถามอาการปวดของคุณและประเมินความเสี่ยงของโรคปวดหลังประเภทต่างๆ, หากในกรณีที่แพทย์ต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม คลินิกการเหมือนพยาบาลจะนำเอกสารและเบาหวานของคุณมาวิเคราะห์ อาจจะมีเครื่องมือช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น X-Ray, การตรวจประสาทของขาหรือมือเพื่อให้แพทย์เข้าใจว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างไร วิธีการรักษาโรคปวดหลัง…
Search
About
Lorem Ipsum has been the industrys standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book.
Lorem Ipsum has been the industrys standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged.